เสี่ยปาน 30 ล้าน ประกาศขายบ้านพร้อมที่ดิน

เสี่ยปาน 30 ล้าน ประกาศขายบ้านพร้อมที่ดิน

จากกรณีเสี่ยปาน 30 ล้าน หรือนายยงยุทธ แก้วสวนจิก อายุ 45 ปี หนุ่มอุดรดวงเฮงถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2558 หมายเลข 743148 จำนวน 5 ใบ 30 ล้าน และตัดสินใจแยกทางกับภรรยาและส่งเสียลูกชายทุกเดือน

โดยซื้อที่ดิน 10 ไร่ที่บ้านเกิดเพื่อทำไร่ทำนาและสร้างบ้านอยู่คนเดียวโดยไม่ได้แต่งงานใหม่ มีพี่ชายช่วยทำไร่ทำนาแต่มีเรื่องสุขภาพเข้ามารุมเร้าจน ต้องออกมาขายก๋วยเตี๋ยวช่วยพี่สาวตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ซึ่งทางผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเสี่ยปาน 30 ล้าน ซึ่งเสี่ยปานได้ขี่รถ จยย.พ่วงข้างคู่ใจกำลังกลับบ้านพร้อมกับพาเดินดูบริเวณรอบบ้านซึ่ง ทำการเกษตรผสมผสานทำนาขุดบ่อเลี้ยงปลา 3 บ่อ เลี้ยงเป็ดไก่พร้อมกับเล่าว่า หลังจากถูกหวย 30 ล้าน ผ่านมา 6 ปี ตนยังใช้ชีวิตสุขสบายปกติตามพื้นฐานความพอเพียง ทำสวนเหมือนเดิม ทำทุกอย่างเพื่อลูก บางวันก็รับลูกมาเที่ยวอะไรที่เป็นความสุขของลูกตนก็ทำให้หมด แต่ช่วงนี้ได้หยุดทำการเกษตรเพราะสุขภาพไม่ดีและไม่มีคนช่วย

เนื่องจากพี่ชายที่ช่วยทำการเกษตรได้จากไปอย่างกะทันหันจึงต้องเปลี่ยนแนวทางใหม่จะไปทำกิจการรีสอร์ทโฮมสเตย์ โดยจะไปซื้อที่ดินใกล้บ้านอดีตภรรยา แถวทะเลบัวแดงให้ลูกชายฝากเงินไว้ให้ลูกวางแผนอนาคตให้ลูก โดยบ้านหลังนี้สร้างมา 5 ปีกว่า จะขายพร้อมที่ดิน 10 ไร่ในราคา 6 ล้าน โดยบ้านสร้าง 2.5ล้านบาท มี 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องครัว ห้องรับแขกและห้องพระ ซึ่งตนจะนอนที่บ้านหลังนี้สลับกับร้านก๋วยเตี๋ยวเพราะมีบ้านหลายหลัง หากใครสนใจสามารถพูดคุยต่อรองราคากันได้

เสี่ยปาน เผยอีกว่าสาเหตุที่ไปขายก๋วยเตี๋ยวช่วยพี่สาวก็เพราะไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ มันเหงา ถ้าอยู่บ้านตื่นเช้าก็รดน้ำต้นไม้เปิดเพลงฟังดังๆ คนเดียว เวลาสายมาก็จะขึ้นไปเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวช่วยพี่สาว ทรัพย์สินที่ขายได้ก็มีรถเกี่ยวข้าว รถไถ และที่ดินบ้าง ส่วนการมีชีวิตแบบนี้ตนคิดว่าดีหากไม่ถูกรางวัลอาการป่วยของตนคงไม่ยืดมานานขนาดนี้ ตนคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ถูกรางวัลดีที่สุด ไม่เกี่ยวกับทุกขลาภ ตนป่วยมาก่อนถูกรางวัล สาเหตุที่ตนขายบ้านไม่ใช่เพราะเงินหมดแต่เพราะไม่มีคนดูแลต้องการนำเงินที่เหลือไปทำกิจการเล็กๆ ไว้ให้ลูกเพราะอาการป่วยของตนค่อนข้างหนักแล้วไม่รู้ ว่าจะอยู่ถึงวันไหน หมอบอกว่าตนอยู่ได้ประมาณ 1 ปี เพราะนอกจากโรคหัวใจตนยังมีอีกหลายโรคที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ siamweek.com

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ